แฟร้งค์เฟิร์ต เตรียมคุยเรื่องสัญญาใหม่กับ มาริโอ เกิตเซ่

Browse By

ในช่วงเวลาที่บุนเดสลีกากำลังคึกคักและแข่งขันกันอย่างดุเดือด หนึ่งในข่าวที่แฟนบอลเยอรมันไม่น้อยคือรายงานจากสื่อ สโมสรไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ที่กำลังเตรียมเปิดการเจรจาเรื่องสัญญาฉบับใหม่กับมาริโอ เกิตเซ่ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมัน ผู้ซึ่งยังคงเป็นหัวใจสำคัญของทีมแม้เวลาจะผ่านไปหลายปีหลังจากเขาเคยสร้างตำนานคว้าแชมป์โลกให้ทีมชาติเยอรมันในปี 2014 การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความสำคัญของเกิตเซ่ในทีม แต่ยังเป็นสัญญาณของทิศทางใหม่ที่แฟร้งค์เฟิร์ตกำลังวางรากฐานในระยะยาว

เกิตเซ่ย้ายมาร่วมทีมแฟร้งค์เฟิร์ตในช่วงฤดูกาล 2022/23 หลังจากออกจากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟนในลีกดัตช์ การกลับมาสู่บุนเดสลีกาของเขาถูกจับตามองอย่างมาก เพราะหลายคนมองว่าอาชีพของเขาอาจถึงทางตันหลังจากช่วงเวลายากลำบากกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และบาเยิร์น มิวนิค อย่างไรก็ตาม เกิตเซ่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังไม่หมดไฟ เขาปรับตัวเข้ากับระบบของโค้ชโอลิเวอร์ กลาสเนอร์ได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นหนึ่งในจอมทัพที่สร้างจังหวะเกมได้อย่างเฉียบคมที่สุดของทีม

ฤดูกาลแรกของเขากับแฟร้งค์เฟิร์ตถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เกิตเซ่ช่วยทีมเข้ารอบลึกในศึกยูโรปา ลีก และยังมีบทบาทสำคัญในเกมลีก ด้วยวิสัยทัศน์การจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมและความนิ่งในจังหวะสำคัญ แม้จะไม่ได้เป็นผู้ทำประตูหลัก แต่ความสามารถในการเชื่อมเกมและสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมอย่างโคล มัวนี หรือเยสเปอร์ ลินด์สตรอม กลายเป็นหัวใจของการเล่นเกมรุกในระบบ 3-4-2-1 ที่แฟร้งค์เฟิร์ตใช้มาตลอด

ในฤดูกาลปัจจุบัน ฟอร์มของเกิตเซ่ยังคงเส้นคงวา เขากลายเป็นหนึ่งในผู้นำทั้งในสนามและนอกสนาม โดยเฉพาะในช่วงที่ทีมมีการเปลี่ยนแปลงโค้ชและผู้เล่นหลายตำแหน่ง ความเป็นมืออาชีพและประสบการณ์ของเขาช่วยประคองทีมให้ผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านได้อย่างมั่นคง การที่สโมสรเตรียมต่อสัญญากับเขาจึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เพราะเกิตเซ่ไม่ได้เป็นเพียงนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ แต่ยังเป็นแบบอย่างให้กับนักเตะรุ่นใหม่ในทีมอีกด้วย

สื่อเยอรมันรายงานว่า สัญญาฉบับปัจจุบันของมาริโอ เกิตเซ่กับแฟร้งค์เฟิร์ตจะหมดลงในเดือนมิถุนายนปี 2026 แต่สโมสรต้องการขยายออกไปอีกหนึ่งปีพร้อมปรับปรุงค่าเหนื่อยให้สอดคล้องกับผลงานของเขา โดยฝ่ายบริหารของทีมเชื่อว่าการต่อสัญญาครั้งนี้จะเป็นการส่งสัญญาณถึงความมั่นคงในโครงการระยะยาวของสโมสร และสร้างความมั่นใจให้แฟนบอลว่า พวกเขายังคงมุ่งมั่นจะยืนอยู่ในกลุ่มหัวตารางของบุนเดสลีกาต่อไป

มาริโอ เกิตเซ่ ในวัย 33 ปี ยังคงเป็นนักเตะที่มีสภาพร่างกายแข็งแกร่งและมีวินัยในการซ้อมสูง เขาให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าการดูแลสุขภาพและการควบคุมอาหารเป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต ตอนที่เคยประสบปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อและระบบเมตาบอลิซึมจนต้องห่างจากสนามไปพักใหญ่ ทุกวันนี้เขาใช้เวลานอกสนามในการฟื้นฟูร่างกายและทำสมาธิ ซึ่งส่งผลให้เขามีสมาธิในการเล่นมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ทำให้โค้ชและเพื่อนร่วมทีมต่างชื่นชมและยกย่องในความเป็นมืออาชีพของเขา

ในเชิงแท็กติก เกิตเซ่คือศูนย์กลางของเกมรุกแฟร้งค์เฟิร์ต เขามีหน้าที่คุมจังหวะและเชื่อมระหว่างแดนกลางกับแนวรุก สามารถถอยลงต่ำมารับบอลและเปลี่ยนทิศทางเกมได้ในพริบตา การอ่านเกมของเขาเป็นสิ่งที่หาได้ยากในยุคฟุตบอลที่เต็มไปด้วยความเร็วและพละกำลัง เขาเล่นโดยใช้สมองมากกว่ากำลัง ซึ่งทำให้ยังคงรักษาความสำคัญไว้ในทีมแม้อายุเข้าสู่หลักสามแล้ว

สิ่งที่น่าสนใจคือเกิตเซ่ไม่เคยมีปัญหากับสโมสรหรือเพื่อนร่วมทีม เขามักทำหน้าที่เป็นพี่ใหญ่ที่ช่วยดูแลนักเตะดาวรุ่งในทีม โดยเฉพาะผู้เล่นอย่างอารอนเซ่น หรือบูต้า ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีม เขามักเป็นคนให้คำแนะนำและกระตุ้นให้พวกเขาเล่นด้วยความมั่นใจ สไตล์การเล่นที่สุขุมและมุ่งมั่นของเกิตเซ่จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้เล่นคนอื่นในทีม ซึ่งนี่คืออีกเหตุผลที่แฟร้งค์เฟิร์ตไม่ลังเลที่จะต่อสัญญากับเขา

สื่อบางสำนักยังระบุว่า สัญญาใหม่ของเกิตเซ่อาจมีการเพิ่มบทบาทในเชิงโค้ชหลังเลิกเล่น โดยมีการพูดคุยเบื้องต้นว่าหลังหมดสัญญา เขาอาจได้รับตำแหน่งในสตาฟฟ์โค้ชเยาวชนของสโมสร เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับนักเตะรุ่นใหม่ ความคิดนี้สอดคล้องกับแนวทางของแฟร้งค์เฟิร์ตที่เน้นสร้างนักเตะจากระบบภายใน ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ระยะยาวของทีมในการยืนระยะในเวทีบุนเดสลีกา

สำหรับมาริโอ เกิตเซ่แล้ว การอยู่กับแฟร้งค์เฟิร์ตอาจเป็นช่วงเวลาที่เขาพบ “บ้านหลังที่สอง” ในเส้นทางอาชีพฟุตบอล หลังจากผ่านทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว เขาเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในช่วงหลังคว้าแชมป์โลก เนื่องจากฟอร์มตกและอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ที่แฟร้งค์เฟิร์ต เขาได้รับโอกาสอีกครั้งในการแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงในฐานะนักเตะมากประสบการณ์

แฟร้งค์เฟิร์ตเองก็รู้ดีว่า การมีนักเตะอย่างเกิตเซ่อยู่ในทีมไม่เพียงช่วยในเรื่องผลงาน แต่ยังเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับสโมสรอีกด้วย เพราะชื่อเสียงของเขายังคงดึงดูดความสนใจจากแฟนบอลทั้งในเยอรมนีและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มแฟนพนันฟุตบอลที่ติดตามผ่าน สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็มซึ่งให้ความสนใจกับผู้เล่นระดับโลกที่ยังโลดแล่นในสนาม การที่เกิตเซ่ยังสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีจึงมีผลต่อทั้งภาพลักษณ์และมูลค่าทางเศรษฐกิจของสโมสรโดยตรง

อีกมุมที่ควรพูดถึงคือความสัมพันธ์ระหว่างเกิตเซ่กับเพื่อนร่วมทีม เขามีบทบาทสำคัญในการประสานงานกับกัปตันทีมและผู้เล่นรุ่นใหม่ ทำให้บรรยากาศในทีมแฟร้งค์เฟิร์ตเป็นไปในทิศทางบวก ไม่มีความแตกแยกภายในห้องแต่งตัว และนักเตะหลายคนมองว่าเกิตเซ่คือ “ผู้นำเงา” ที่ช่วยผลักดันทีมให้เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน

ในแง่ของฟอร์มการเล่น เกิตเซ่ในฤดูกาลนี้ยังคงเป็นตัวหลักที่ลงสนามอย่างต่อเนื่อง แม้บางนัดจะถูกพักไว้ในเกมยุโรปเพื่อรักษาสภาพร่างกาย แต่เมื่อได้โอกาส เขาก็มักสร้างความแตกต่างให้เกมได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการวางบอลทะลุช่อง การลากจังหวะเพื่อดึงแนวรับ หรือแม้แต่การยิงไกลที่ยังคงมีให้เห็นอยู่บ้างในบางนัด เขาอาจไม่ใช่นักเตะที่ยิงประตูมากที่สุด แต่เป็นคนที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นได้ง่ายขึ้น

การต่อสัญญากับเกิตเซ่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแฟร้งค์เฟิร์ตในการรักษาโครงสร้างหลักของทีมไว้ หลังจากที่ฤดูกาลก่อนพวกเขาต้องเสียผู้เล่นสำคัญอย่างโคล มัวนี ให้กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง การคงไว้ซึ่งแกนหลักอย่างเกิตเซ่และมิดฟิลด์คนอื่น ๆ อย่างโซว์ หรือสคิรี จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสมดุลและเอกลักษณ์ของทีม

ในเชิงเศรษฐกิจ แฟร้งค์เฟิร์ตเป็นหนึ่งในสโมสรที่บริหารการเงินได้ดีในเยอรมนี พวกเขาไม่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเหมือนทีมใหญ่ แต่เน้นการพัฒนาผู้เล่นและเสริมทีมอย่างมีแบบแผน การต่อสัญญากับเกิตเซ่จึงไม่ใช่แค่การเก็บผู้เล่นไว้ แต่เป็นการลงทุนใน “คุณค่า” ที่เขาสร้างให้ทีม ทั้งในสนามและนอกสนาม ซึ่งถือเป็นแนวทางที่เหมาะสมกับสโมสรระดับนี้อย่างยิ่ง

สำหรับแฟนบอลทั่วโลก การได้เห็นมาริโอ เกิตเซ่กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งในสนาม เป็นภาพที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เขาคือสัญลักษณ์ของการไม่ยอมแพ้และการกลับมายืนหยัดหลังจากผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก และนี่เองคือเหตุผลที่แฟนบอลหลายคนยังคงเฝ้าดูผลงานของเขา ไม่ว่าจะในเยอรมนีหรือผ่านการติดตามจากแพลตฟอร์มกีฬาออนไลน์อย่าง ufabet เว็บตรงทางเข้า เล่นได้ทุกที่ ที่มักนำเสนอข่าวสารและสถิติของนักเตะดังจากทั่วโลก

หากย้อนกลับไปในความทรงจำ ฟุตบอลโลก 2014 คือช่วงเวลาที่ชื่อของมาริโอ เกิตเซ่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ลูกหนังเยอรมัน เมื่อเขาทำประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศกับอาร์เจนตินา กลายเป็นฮีโร่ของชาติในวัยเพียง 22 ปี แต่หลังจากนั้นเส้นทางอาชีพของเขากลับเต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งอาการบาดเจ็บเรื้อรังและปัญหาสุขภาพที่ทำให้ต้องห่างจากสนามไปนาน ทว่าการกลับมาสู่บุนเดสลีกาในเสื้อแฟร้งค์เฟิร์ตคือบทพิสูจน์ว่า เขายังสามารถกลับมาได้อีกครั้งด้วยหัวใจของนักสู้

เกิตเซ่เองเคยกล่าวในการสัมภาษณ์ว่า “สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมไม่ใช่การเป็นฮีโร่อีกครั้ง แต่คือการได้เล่นฟุตบอลอย่างมีความสุข” คำพูดสั้น ๆ นี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของเขาในฐานะนักเตะที่เติบโตทั้งในแง่ฝีเท้าและจิตใจ เขาไม่ไล่ตามชื่อเสียงหรือคำยกย่องเหมือนในอดีต แต่กลับมุ่งเน้นไปที่การสร้างประโยชน์ให้ทีมและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น ซึ่งนี่คือเหตุผลที่แฟร้งค์เฟิร์ตต้องการเก็บเขาไว้ให้นานที่สุด

ในแผนของสโมสร การต่อสัญญากับเกิตเซ่จะเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของการสร้างทีมที่มีทั้งประสบการณ์และพลังหนุ่ม เพื่อรองรับการแข่งขันทั้งในประเทศและยุโรปในอนาคต บอร์ดบริหารเชื่อว่าความเป็นผู้นำของเขาจะช่วยยกระดับนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่กำลังขึ้นมา และในเวลาเดียวกันยังช่วยดึงดูดผู้เล่นใหม่ที่ต้องการร่วมงานกับนักเตะระดับตำนาน

ในตลาดนักเตะปัจจุบัน ผู้เล่นที่มีประสบการณ์ระดับแชมป์โลกและยังสามารถรักษาฟอร์มได้ดีถือว่าหายาก การที่แฟร้งค์เฟิร์ตสามารถต่อสัญญากับเกิตเซ่ได้สำเร็จจึงถือเป็น “ชัยชนะเชิงกลยุทธ์” ที่ไม่ต่างจากการคว้าผู้เล่นใหม่ระดับท็อป ซึ่งยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของสโมสรในฐานะทีมที่เติบโตอย่างมั่นคงและมีวิสัยทัศน์

สุดท้าย การพูดถึงมาริโอ เกิตเซ่ในวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของอดีตฮีโร่ทีมชาติเยอรมัน แต่คือเรื่องราวของนักฟุตบอลที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เขาเปลี่ยนความเจ็บปวดให้กลายเป็นแรงผลักดัน และเปลี่ยนเสียงวิจารณ์ให้กลายเป็นแรงบันดาลใจ การที่แฟร้งค์เฟิร์ตกำลังเตรียมต่อสัญญากับเขา คือการยืนยันว่าผู้ชายคนนี้ยังคงมีคุณค่าต่อวงการฟุตบอลเยอรมันอย่างแท้จริง

สำหรับแฟนบอลที่ติดตามข่าวนี้ ไม่ว่าจะในเยอรมนีหรือทั่วโลก รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบการวิเคราะห์ฟุตบอลผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่าง สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม ต่างก็รับรู้ได้ว่าการต่อสัญญาครั้งนี้มีความหมายมากกว่าตัวเลขในกระดาษ มันคือการต่ออายุความหวังของนักเตะผู้เคยตกต่ำให้กลับมายืนอย่างสง่างาม และเป็นอีกบทพิสูจน์ของคำว่า “ฟุตบอลไม่มีวันตาย ตราบใดที่ยังมีหัวใจของนักสู้”